Home » SCGD เคาะราคา IPO 11.20-11.50 บ. จ่อลุยตลาดอาเซียน 1.8 แสนลบ.

SCGD เคาะราคา IPO 11.20-11.50 บ. จ่อลุยตลาดอาเซียน 1.8 แสนลบ.

นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เปิดเผยว่า SCGD มีความมั่นใจและมีความพร้อมเต็มที่ในการขยายธุรกิจเชิงรุกสู่ภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องและมีมูลค่าตลาดรวมวัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์สูงถึงประมาณ 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 180,000 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเติบโตจากการขยายธุรกิจจากประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจสุขภัณฑ์ซึ่งบริษัทมียอดขายสุขภัณฑ์อันดับ 1 ในไทยและเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี รวมถึงต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวด้วยการขยายตลาดกระเบื้องไวนิล SPC และ LVT ซึ่งเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย  

บริษัทฯ ได้ลงทุนสายการผลิตกระเบื้องไวนิล Stone Plastic Composite (SPC) มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่โรงงานหินกอง สระบุรี ใช้งบลงทุน 138 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2567 เพื่อเตรียมขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งเตรียมลงทุนขยายกำลังการผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนรวม 6.6 ล้านตารางเมตรต่อปีในพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนาม โดยเป็นกำลังการผลิตใหม่ 1.65 ล้านตารางเมตรต่อปี และทดแทนกำลังการผลิตเดิมอีก 4.95 ล้านตารางเมตรต่อปี
คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2568

ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทฯ ได้เริ่มเดินเครื่องจักรสายการผลิตใหม่ที่โรงงาน Dai Loc ในเวียดนาม มีกำลังการผลิตกระเบื้องเซมิ-เกลซ พอร์ซเลน (Semi- Glazed Porcelain) และกระเบื้องขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 1.38 ล้านตารางเมตรต่อปี

นอกจากนี้ยังเตรียมแผนลงทุนโรงงานในพื้นที่ภาคใต้ของเวียดนามเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอีกด้วย ส่วนในประเทศไทยได้เริ่มเดินเครื่องจักรสายการผลิตใหม่ที่โรงงานหนองแค สระบุรี เพื่อผลิตกระเบื้องขนาด 60×60 เซนติเมตร มีกำลังการผลิต 4.32 ล้านตารางเมตรต่อปี คาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นเนื่องจากเป็นขนาดที่นิยมในตลาด

ส่วนกลยุทธ์หลักที่สำคัญ

  • ขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวเนื่องให้ครอบคลุมการตกแต่งยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรในธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์
  • บริหารการผลิตและการจัดหาสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยผสานความร่วมมือกับโรงงานแต่ละประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารต้นทุน
  • มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ไตรมาสที่ผ่านมา ได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และโครงการใช้ชีวมวลผลิตลมร้อนในกระบวนการผลิตผงดิน ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานลงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ปัจจุบัน SCGD เป็นผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยมียอดขายกระเบื้องเซรามิกอันดับ 1 ในไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ รวมถึงมียอดขายสุขภัณฑ์อันดับ 1 ในไทย และมีแบรนด์สินค้าเป็นที่ยอมรับในภูมิภาค โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่

  1. ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (Decor Surfaces) ประกอบด้วย กระเบื้องปูพื้น บุผนัง กระเบื้องไวนิลSPC และกระเบื้องไวนิล LVT (Luxury Vinyl Tile) รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น กาวซีเมนต์ กาวยาแนว เป็นต้น
  2. ธุรกิจสุขภัณฑ์ ได้แก่ สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์ห้องน้ำ โดยมีฐานการผลิตในประเทศ ไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ และช่องทางจัดจำหน่ายหลากหลายรูปแบบและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงส่งออกสินค้ากว่า 57 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, เยเมน ไต้หวัน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, กัมพูชา เป็นต้น

นายสมิทธิ โกสีย์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ. เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงาน

  • 2563 รายได้จากการขาย 24,378.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,235.9 ล้านบาท
  • 2564 รายได้จากการขาย 25,937.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,401.9 ล้านบาท
  • 2565 รายได้จากการขาย 30,253.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,320.1 ล้านบาท
  • 2566 (9 เดือนแรก) รายได้จากการขาย 21,522 ล้านบาท กำไรสุทธิ 760 ล้านบาท

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก SCGD กล่าวว่า ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา SCGD ได้เริ่มทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ COTTO ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น พร้อมกับชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SCGD โดยที่ช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้าย ที่ 11.20 – 11.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นช่วงอัตราแลกหุ้นสุดท้ายที่ 4.6667 – 4.7917 หุ้น COTTO ต่อ 1 หุ้น SCGD (กรณีที่มีเศษจะปัดลงทั้งหมด) โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 6 ธันวาคม 2566

SCGD จะเปิดให้ผู้ถือหุ้นของเอสซีจี และผู้ถือหุ้นของบริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ที่ได้รับสิทธิ เริ่มทำการจองซื้อหุ้น IPO ของ SCGD ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 6 ธันวาคม 2566 ที่ราคา 11.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย IPO สุดท้าย

จากนั้นในวันที่ 6 ธันวาคม 2566 จะมีการประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย ให้ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 8 ธันวาคม และ 12 – 13 ธันวาคม 2566