พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์จำกัด ในการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการและผลิตเชื้อเพลิงขยะ เพื่อสนับสนุนแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายพอร์ตธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโตในอนาคต
สำหรับธุรกิจ Renewable Energy เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะเข้าลงทุน เพื่อให้ธุรกิจ Renewable Energy เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงต่อยอดและขยายธุรกิจจากที่ PTG ได้เข้าสู่ธุรกิจบริหารและจัดการขยะในปี 2565 โดยเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเมืองบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สำหรับการก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชน รวมถึงมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4.5 MW
“การร่วมมือกับไทยไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชนอย่างครบวงจร มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) โดยทีมผู้บริหารมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน จะเป็นช่องทางการเติบโตในอนาคตจากการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจบริหารจัดการขยะรีไซเคิล และธุรกิจคาร์บอนเครดิตได้ ” นายพิทักษ์ กล่าว
ไพบูลย์ คุ้มคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ PTG ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการจัดการขยะ ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้จะก้าวสู่การเป็นองค์กรต้นแบบที่ช่วยผลักดันให้เกิดการจัดการ และสนับสนุน สร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนในการแยกขยะใช้แล้วอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัท ไทยไพบูลย์ อีควิปเม้นท์ จำกัด อยู่ในกลุ่มผู้นำในการประกอบธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจากชุมชน ขยะฝังกลบอย่างครบวงจร และผลิตเชื้อเพลิงขยะ โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ผลิต ติดตั้งระบบคัดแยกขยะ การบริหารจัดการบ่อขยะ การผลิตและจำหน่ายขยะเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel: RDF) รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการบริหารจัดการขยะที่มีประสบการณ์มากว่า 21 ปี
นอกจากนี้ธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกด้านพลังงานสะอาด การรักษาสิ่งแวดล้อม และการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ธุรกิจได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ รวมถึงมีความต้องการเกิดขึ้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ปริมาณขยะมูลฝอยที่ยังไม่ได้รับการกำจัดยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณประชากรภายในประเทศ นักท่องเที่ยวต่างประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน มีรายได้ต่อปีกว่า 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF) และจากการบริหารจัดการขยะ