NAM โชว์ผลงานไตรมาส 2/67 กวาดรายได้ 231.62 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 40.04 ล้านบาท เพิ่ม 16.24% ด้านบอร์ดไฟเขียวซื้อหุ้น “Reintech Sdn. Bhd.” สัดส่วน 60% ลุยธุรกิจประเทศมาเลเซีย
วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (NAM) เผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ดังนี้
- รายได้รวมจำนวน 231.62 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 226.45 ล้านบาท ประกอบด้วย
- กลุ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 126.24 ล้านบาท
- กลุ่มผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์จำนวน 60.86 ล้านบาท
- กลุ่มการให้บริการการฆ่าเชื้อ CSSD บริการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ทางการแพทย์
- การกำจัดของเสีย จำนวน 38.20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ
- กำไรสุทธิ 40.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.24% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 34.44 ล้านบาท
- เนื่องจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามภาครัฐมีแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2567 ได้มีมติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญของ Reintech Sdn. Bhd. ในสัดส่วน 60% ของหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของ Reintech Sdn. Bhd. ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมาย ประเทศมาเลเซีย ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยมีการจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มด้านการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งมีธุรกิจเช่นเดียวกับนำวิวัฒน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ปี 2567 จะเติบโตจากการขายเครื่องมือแพทย์ทั้งในประเทศและจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปตลาดต่างประเทศ โดยคาดการณ์ความต้องการใช้เครื่องมือเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึง ประกอบกับนโยบาย Medical Hub และ Medical tourism ศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
อีกทั้งบริษัทฯ วางแผนกลยุทธ์ ขยายฐานรายได้กลุ่มงานบริการจากการร่วมมือกับพันธมิตร มองหาการลงทุนในต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจ ขยายการขายในต่างประเทศ และขยายกลุ่มตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นฐานในการกระจายสินค้า อีกทั้งมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Healthcare รวมถึงมุ่งเน้นงานนวัตกรรม วิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม B2C ประกอบกับขยายโรงงานเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้