กิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ในเครือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์ ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพัทยา ได้รับปัจจัยบวกจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3, พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นต้น
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจโรงแรม (ทุกระดับ) และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในพัทยา ณ สิ้นปี 2565 ห้องพักรวมประมาณ 60,000 ห้อง แบ่งเป็น
- โรงแรมระดับบน 22%
- โรงแรมระดับลักชัวรี่ประมาณ 1%
- โรงแรมระดับกลาง 64%
- โรงแรมราคาประหยัด 11%
- เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2%
สำหรับ “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา” และ “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา” ซึ่งพัฒนาและบริหารโดยบริษัท และเป็นทรัพย์สินที่ LHHOTEL จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จัดอยู่ในโรงแรมระดับลักชัวรี่และโรงแรมระดับบนซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย
โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา มีจำนวน 490 ห้องพัก ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์อวกาศแห่งแรกในประเทศไทย
โดยมีสวนน้ำอวกาศ Space Water Park ขนาดใหญ่กว่า 12,000 ตารางเมตร สปาและออนเซ็นซีวิวแห่งแรกในประเทศไทย นับจากเปิดบริการเดือนสิงหาคม 2565 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าต่างชาติและคนไทย โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91%
โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มีจำนวน 396 ห้องพัก ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จุดเด่นคือห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเล เดินทางเข้าออกโรงแรมได้อย่างสะดวกสบายด้วย 3 ถนนเส้นหลัก มีสวนน้ำลอยฟ้า 6,000 ตารางเมตร โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91% เช่นเดียวกัน แม้ชาวจีนยังไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มที่
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL เผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวและโรงแรมของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 12.9 ล้านคน สูงกว่าปี 2565 โดยทั้งปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11.2 ล้านคน
ดังนั้น การลงทุนภายใต้ธีมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจึงน่าสนใจและเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในกองทรัสต์ประเภทโรงแรมซึ่งจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายดังกล่าว อีกทั้งในปัจจุบันทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมีแนวโน้มเข้าใกล้จุดสูงสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทรัสต์ LHHOTEL ที่มีนโยบายลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มโรงแรมที่มีศักยภาพ มีผลการดำเนินงานที่ดี
ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ทั้ง 3 แห่งดังกล่าวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 แล้วกว่า 20%
ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ LHHOTEL ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากเปิดประเทศและกลับมาจ่ายประโยชน์ตอบแทนในรูปเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 กองทรัสต์จ่ายเงินปันผล แล้ว 2 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงิน 0.58 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ ภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า 20,000 ล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45%
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า ปัจจุบัน LHHOTEL เป็นกองทรัสต์กลุ่มโรงแรม ที่มีขนาดสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเพิ่มทุน และลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่จะช่วยเสริมสภาพคล่องจากขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น และสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของกองทรัสต์
โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะมีการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 540 ล้านหน่วย และมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 4,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 9,800 ล้านบาท และมีประมาณการเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมอยู่ที่ประมาณ 1.15 บาทต่อหน่วย
นายยศวีร์ สุทธิกุลพานิช ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า กองทรัสต์ (REIT) เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความนิยมและมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีโอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนที่มีความสม่ำเสมอในระยะยาวและมีความผันผวนด้านราคาต่ำกว่าตราสารทุน
ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม เพื่อจะใช้เข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ของ LHHOTEL ซึ่งจะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและนักลงทุนรายใหม่ หลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีผลบังคับใช้ โดย LHHOTEL จะประชาสัมพันธ์ข้อมูลสำคัญต่างๆ รวมถึงช่วงระยะเวลาจองซื้อให้ผู้ลงทุนทราบตามช่องทางต่างๆ ต่อไป