ธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของปี 2566
- รายได้รวม 119,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายภายในสาขา การขายออนไลน์ การขายนอกร้านและการส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) พร้อมทั้งการเติบโตของรายได้ค่าเช่า รวมถึงการให้บริการศูนย์การค้า
- กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรสุทธิที่ไม่รวมผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านค้าส่ง (Wholesale Business) ในประเทศสาธารณประชาชนจีน มีจำนวน 1,716 ล้านบาท เติบโตอัตราร้อยละ 7 ซึ่งเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นถ้าเทียบกับครึ่งปีแรก
ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566
- รายได้รวม 361,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรสุทธิ 5,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกัน
- กำไรสุทธิที่ไม่รวมการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการคืนเงินกู้ระยะยาวก่อนกำหนดและขาดทุนจากขายสินทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านค้าส่ง (Wholesale Business) ในประเทศสาธารณประชาชนจีน มีจำนวน 5,496 ล้านบาท เติบโตอัตราร้อยละ 5
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีซั่น จากความเชื่อมั่นในการบริโภคที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) ขยายตัวต่อเนื่อง จากการปรับโฉมใหม่ของสาขา ที่สามารถเพิ่มอัตราการเข้าใช้บริการอย่างมีนัยยะสำคัญ (Traffic)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขาในหลายรูปแบบ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแผนขยายสาขา ภายใต้แบรนด์แม็คโคร 6 สาขา และขยายซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้แบรนด์โลตัส 3 สาขา และมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มในการใช้สินทรัพย์เดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปรับรูปแบบสาขาให้เหมาะสมสำหรับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ และมีแผนปรับโฉมพื้นที่ศูนย์การค้าในสาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตของคนทุกวัยในชุมชน (Community Center)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเพิ่มยอดขายจาก Omni Channel โดยใช้เครือข่ายสาขากว่า 2,700 แห่ง เป็นศูนย์การจัดส่งสินค้าขนาดเล็ก ผนวกทัพเถ้าแก่ขาย เพื่อสร้างยอดขายในทุกมิติ โดยเฉพาะการนำเสนอสินค้าและโปรโมชันแบบเฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization) คาดจะเพิ่มยอดขาย Omni Channel โตร้อยละ 15 ของยอดขายรวมภายในปี 2567