ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เผยถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก 2566 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 2,618 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,112 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากสัดส่วนงานก่อสร้างในกลุ่มงานถนนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเติบโตของรายได้จากธุรกิจเหมืองหิน และความสามารถในการจัดการด้านค่าใช้จ่ายจากประสิทธิภาพการบริหารการใช้เครื่องจักร แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังเพิ่มสูงขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้น 8.4% เป็น 8.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นสำหรับครึ่งปีแรก 2566 จำนวน 223 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,170 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,561 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้ที่ลดลงของงานก่อสร้างกลุ่มงานรถไฟ ซึ่งเป็นช่วงท้ายของการดำเนินงาน และอยู่ระหว่างส่งมอบงานและความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงสระบุรี-หนองคาย ได้รับผลกระทบจากการถูกจำกัดช่วงเวลาของการทำงานจากมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการเตรียมส่งมอบงานโครงการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา สัญญาที่ 2-1 (สีคิ้ว-กุดจิก) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ และ เป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทย-รัฐบาลจีน เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ยังมีแผนการเข้าประมูลและรับงานโครงการทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มประเภทงานทาง และ กลุ่มประเภทอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของรายได้จากการส่งมอบงานเก่าและเข้ารับงานใหม่สะท้อนราคาต้นทุนปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของมูลค่างานโครงการก่อสร้างในมือ (Backlog) ให้มีจำนวนตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 20,000 ล้านบาท