Home » CHAO นับหนึ่งไฟลิ่ง ระดมทุน SET ยกระดับขนมสู่ Modern Thai Snack

CHAO นับหนึ่งไฟลิ่ง ระดมทุน SET ยกระดับขนมสู่ Modern Thai Snack

บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี (CHAO) เตรียมพร้อมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มุ่งยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวสู่ Modern Thai Snack

ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี (CHAO) เผยว่า สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์เจ้าสัว และแบรนด์โฮลซัม ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน อ้างอิงจาก Frost & Sullivan ปี 65 บริษัทฯ เป็นผู้นำในตลาดข้าวตัง และตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 78.5% และ 57.2% ตามลำดับ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่

จุดแข็งเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน

  1. การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย โดยผลักดันให้อุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐาน เพื่อยืดอายุของสินค้า รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สร้างความหลากหลายของรสชาติและขนาดสินค้า สื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งการสร้างสรรค์ขนมขบเคี้ยวที่นอกจากจะให้พลังงาน มีรสชาติอร่อย และยังให้คุณค่าทางโภชนาการ เป็นทางเลือกของขนมขบเคี้ยวที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค (Better-for-You Snack)
  2. แบรนด์ “เจ้าสัว” ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูง ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การสื่อสารการตลาดผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการทำการตลาดในต่างประเทศผ่าน Influencer เพื่อสร้างการรับรู้ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นสุดยอด “แบรนด์ขนมขบเคี้ยว” ที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน รองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
  3. มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม 4 กลุ่มหลัก
    • 3.1 กลุ่มร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) มากกว่า 23,000 แห่งทั่วประเทศไทย โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึงร้อยละ 26.2 ระหว่างปี 2563-2566
    • 3.2 กลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) ประมาณ 8,000 แห่ง ทั่วประเทศไทย ผ่านตัวแทนกระจายสินค้า 11 ราย ซึ่งดำเนินการผ่านกลยุทธ์แบบเฉพาะตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน รวมถึงการทดลองใช้ Product Mix นำเสนอสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
    • 3.3 การส่งออกสินค้ากว่า 12 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และออสเตรเลีย เป็นต้น
    • (3.4) ช่องทางอื่นๆ เช่น Shopee, Lazada, Facebook Live, TikTok Shop เป็นต้น
  4. มีความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคและมีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์การบริโภคของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยมีทีมการตลาดและฝ่ายขาย ผสานความร่วมมือกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่เข้าใจตลาด ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค มีเอกลักษณ์ต่างจากคู่แข่ง ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี เช่น ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู ซึ่งรวมถึงหมูแท่ง ยอดขายในช่วงปี 2564-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 35.3%
  5. มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม กลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างต้นทุนของวัตถุดิบแต่ละประเภท รวมทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบ (Supplier) ในประเทศหลายราย ทำให้สามารถเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และมีต้นทุนที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้ลงทุนระบบอัตโนมัติ (Automation) ในโรงงาน เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่งในตลาด  
  6. มีความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มบริษัทฯ พัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อการขาย รวมถึงมีการติดตามอายุสินค้าและดำเนินการติดตามสถานะของสินค้าคงคลังอย่างสม่ำเสมอ
  7. ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้เข้ากับสภาวะการแข่งขัน เศรษฐกิจ และเทรนด์การบริโภคของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

พงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว

  • บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น
  • มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท
  • สัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้

แผนการระดมทุน

  • ใช้พัฒนาระบบอัตโนมัติและการปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ
  • ขยายกำลังการผลิต
  • การก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2
  • การลงทุนเพื่อการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
  • การปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
  • เงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ
  • ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน